Binz คืออะไร ผลิตช่วงใหน และแตกต่างกันอย่างไร

              ถ้า ถามถึง Double Cab ส่วนใหญ่คงนึกถึง อีซูซุ D-Max Cab 4 หรือไม่ก็ Toyota แบบ 4 ประตู ท้ายเป็นกระบะบรรทุก ซึ่งจัดเป็นประเภทรถยนต์เอนกประสงค์ ที่ฮิตเอามาก ๆ แบบหนึ่งในบ้านเราแต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าต้นตำรับ หรือ ต้นแบบที่แท้จริงนั้นมาจาก Volkswagen!!

              ตาม งานโชว์รถหรือตามสำนักแต่งรถในเมืองไทยนั้น ก็สามารถพบเห็นเจ้า Double Cab ได้บ้างประปราย เพราะมันเข้าข่ายจัดเป็นรถหายากชนิดหนึ่ง เจ้า Double Cab หรือที่ในอเมริกาเรียกว่า Crew Cab ก็เป็นรถที่บรรดาเซียนอยากจะได้มาครอบครองกันทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เป็นเจ้าของDouble Cab และยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาคอโฟลค์เองก็เถอะ ถ้าจะบอกว่าต้นตำรับฉบับ original ของรถ Double Cab แสนเท่เหล่านี้ Volkswagen ไม่ได้ผลิตเองจะเชื่อมั้ย!!!


              Binz เป็นทั้งชื่อโรงงานและชื่อรุ่นเจ้าDouble Cab ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เชื่อกันว่าจริงๆแล้ว Binz กำเนิดขึ้นในปี 1953 ตามที่เคยอ่านเจอ แต่จนถึงทุกวันนี้ เท่าที่สืบทราบยังไม่มีใครเคยเห็นเจ้า Barndoor Double Cab นี้เลย หรืออาจจะมี อันนี้ก็ไม่สามารถบอกได้ รู้แต่ว่า Binz ที่เก่าแก่สุด สุดที่เคยเห็นก็คือปี 1958 นี่หละ



              Binz ถูกผลิตโดย Binz Karosserie ปัจจุบันโรงงานก็ยังมีอยู่และก็เป็น Coach Builder (โรงงานดัดแปลงรถคล้ายๆพวกไทยรุ่งหละครับ) ให้กับรถยนต์หลากหลายยี่ห้อในเยอรมันนี โดยโรงงานรับดัดแปลง Single Cab ให้เป็น Double Cab เรียกได้ว่าในสมัยนั้นถ้าใครเกิดอยากได้ Double Cab มาขับอวดความเท่ ก็ต้องไปหาซื้อ Single Cab มาสักคันแล้วนำไปที่ Binz คุณก็จะได้ Double Cab คันงามมาไว้ในครอบครอง

" ตลาดของ Binz ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อเมริกา โดยมีพวกผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นลูกค้าหลัก คาดว่าอเมริกานำเข้ามาประมาณ 600 คัน ซึ่งในเวลานี้ก็มีเหลือเพียงไม่ถึง 30 คัน และวิ่งได้จริงมีแค่ 10 กว่าคันเท่านี้ และผมเองก็สรุปได้ว่าในประเทศไทยคงจะไม่มีเป็นแน่ :-) "

              สองคันด้านบนนี่คือ BINZ นะครับ สังเกตุดูประตูตรง CAB มันจะกว้างกว่าแบบที่ผลิตโดยโฟล์คสวาเกน (เปรียบเทียบกับรูปด้านล่าง)

              คันด้านบนนี่คือ Double Cab ที่ผลิดโดยโฟล์คสวาเกน (ประตู CAB เมื่อเปิดจะไปชนกับประตูหน้า แต่พวงมาลัยขวาแบบบ้านเราไม่มีปัญหานี้ครับ เพราะบ้านเราเปิดแบบ Suicide door หรือเปิดย้อน) ความ แตกต่างระหว่าง Binz กับ Double Cab ธรรมดาที่เห็นหลักๆก็คือ ภายนอกด้านข้วงตัวรถที่ไม่ใช่ด้านประตูเปิด จะเห็นร่องรอยตะเข็บเดิมของ Single Cab หรือถ้าจะพูดกันถึงความแตกต่างในแง่ของความกว้างขวาง ใหญ่โต Binz จะมีห้องโดยสารและประตูที่ใหญ่และกว้างกว่า Double Cab แต่ Binz จะไม่มีช่องเก็บของที่ใต้หลังเบาะ และ ที่เก็บยา่งอะไหล่ และข้อแตกต่างข้อสุดท้าย ระหว่าง Binz และ Double Cab ที่เห็นได้ชัดก็คือ ประตูที่ 3 จะเป็นแบบเปิดย้อนหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Suicide Door แต่จริงๆแล้วเจ้า Double Cab หน้าวีในบ้านเราก็จะเป็นแบบ Suicide Door ทั้งหมดเพราะประตูที่ 3 ของเราอยู่ทางด้านซ้าย แต่ในอเมริกาจะอยู่ทางด้านขวา

              Binz ดัดแปลง Single Cabโดยแยก Cab ด้านหลังออก แล้วนำเอาเหล็กมาเชื่อมเพื่อยืดความกว้างออกไป กระจกของห้องโดยสารไม่สามารถเปิดออกไปได้ เป็นบานปิดตาย ไม่เหมือน Double Cab ที่ผลิตโดยโฟล์คสวาเก้น

              โดยเมื่อทำเสร็จแล้ว SC จะมีความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 85 cm แต่ฝรั่งเค้าบอกว่างานของ Binz นั้นไม่เรียบร้อยเพราะใช้เหล็กคุณภาพต่ำดังที่เห็นในรูปเหล็กที่นำมาเชื่อมใหม่เป็นสนิมซะแล้ว ในขณะที่ของเดิม (ด้านหลัง) ไม่มีสนิมเลย


              ในตอนแรก Binz จะใช้ประตูที่ 3 แบบ Suicide Door และมาเปลี่ยนในปีต่อมาคือปี 59 กระจกด้านหลังของ Binz เป็นแบบปิดตายโดยสั่งจาก Sekurit เจ้าเก่าของเรา ผนังกั้นระหว่างเบาะหน้าและหลังถูก Design ขึ้นมาโดย Binz และจะมีตราแปะอยู่ด้านหลังนี้ด้วย สังเกตตราที่แปะมาจะมีเลข 3653 ขึ้นต้น ซึ่งเลขนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่แหล่งข่าวบางแห่งก็บอกว่าเป็นหมายเลขประจำโรงงาน (เมื่อก่อนมีโรงงานรับดัดแปลงอยู่หลายโรง เช่น Kaman Westfallia เป็นต้น)




              ด้านในจะมีมือจับอยู่ตรงเสาประตู ประตูจะใช้ล๊อกแบบเดียวกับประตูหน้าและแผงประตูก็ใช้วัสดุชนิดเดียวกัน กระบะหลังพื้นได้ถูกตัดออกไปเพื่อเอามาทำห้องโดยสารโดย Binz ได้ตัดและพับและเอาผนังมาเชื่อมติดกัน ซึ่งงานแย่มาก :-( ด้านฝากระบะก็ใช้วิธีติดต่อ ซึ่งงานก็เรียบร้อยโรงเรียน Binz จนมีคนมาสรรเสริญทั้งวงการ (ประชดน่ะฮ่ะ) ยังไม่หมดน่ะครับ สังเกตจากรอยต่อรอยเชื่อมซึ่งบางคนเค้าบอกว่านี่หละ Original Binz :-)


              เบาะของ Binz มีให้เลือก 2 แบบฮะคือแบบยกออกมาได้กะเชื่อมติดไปเลย กับแบบยกออกมาได้จะมียางกันกระแทกระหว่างผนังห้องโดยสารกับขาเบาะด้วย และน๊อตยึดก็เป็นแบบพิเศษสำหรับ เท่านั้น โครงเบาะทำจากเหล็กกลางดัดทรงซึ่งจะคล้ายเบาะกลางของโฟล์คมาก ไม่เหมือนของโฟล์คสวาเก้น ที่จะมีฐานมารองรับเบาะหลัง


              การ พ่นสีถ้าเป็นที่รู้กันดีว่า Binz เก่งเรื่องสีแค่ไหน ขนาดที่เขี่ยบุหรี่ด้านหน้ายังไม่อยากจะยกออกเวลาพ่นสีเลยฮะ เพราะงั้นก็การันตีความสวยงามที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ฮะ ส่วนใหญ่ Binz จะพ่นสี Tauben Blau หรือ Dove Blue บ้างก็เรียก Pigeon Blue

 คำถามที่ยังคงสงสัยก็คือว่าถ้าขับ Binz แล้วยางแตกจะเอายางอะหลั่ยจากไหนเพราะ Binz ไม่มีที่เก็บของด้านในกระบะหรือใต้เบาะเลย :-) หรือบางคนก็สงสัยว่ากระบะหลังของ Binz ได้เปิดบ้างหรือเปล่า เพราะกระบะหลังไม่มีร่องรอยของการใส่ยางกันกระแทกเลย (ของโฟล์คสวาเก้นจะมียางกันกระแทกรอบคันด้วย) มีอีกหลายคำถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนทุกวันนี้

มีเท่านี้ครับ แล้วเจอกันใหม่ใน www.thaivwclub.com ครับ